สำรวจไทป์ความเป็น “ผู้นำ” ในตัวคุณ กับ 5 รูปแบบความเป็นผู้นำในที่ทำงาน

General TopicNovember 24, 2023 17:22

 

สำรวจไทป์ความเป็น “ผู้นำ” ในตัวคุณ
กับ 5 รูปแบบความเป็นผู้นำในที่ทำงาน

หากพูดถึงทักษะที่เป็นที่ต้องการในองค์กร หนึ่งในนั้นคงต้องยกให้กับ “ทักษะความเป็นผู้นำ” ที่ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนบริษัทให้เดินไปข้างหน้า ยังคอยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมจิตใจและชักจูงผู้คนรอบข้างให้ก้าวต่อไปด้วยกันได้ ทำให้หลายคนชอบระบุ “ทักษะความเป็นผู้นำ” ว่าเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของตัวเองตอนสมัครงาน

แต่ถ้าหากอีกฝ่ายถามว่า “นำยังไง นำใคร นำแบบไหน” เราจะตอบว่าอะไร
หากความจริงแล้วเรายังไม่รู้จักตัวเองดีพอ ว่าความเป็นผู้นำที่เคยพูดถึงนั้น เราทำหน้าที่ “นำ” แบบไหนกันแน่
ในบทความนี้ Reeracoen Thailand จึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับตัวเองให้มากขึ้นผ่านความเป็นผู้นำทั้งหมด 5 รูปแบบ


1) Authoritative Leadership (จอมสั่งงาน)

เมื่อเราจินตนาการภาพของ “หัวหน้างาน” สักคน สิ่งแรกที่นึกถึงอาจเป็นคนที่มีอำนาจควบคุมเบ็ดเสร็จ คอยทำหน้าที่สั่งงาน และตัดสินใจในทุกๆ เรื่อง ซึ่งก็คือลักษณะการทำงานแบบ Top-down เรียกได้ว่าเป็นสไตล์คลาสสิกที่พบเจอได้บ่อยๆ ในอดีต (และอาจไม่ค่อยเป็นที่นิยมในปัจจุบัน)

แนวทางการทำงานของผู้นำไทป์นี้ก็คือตัดสินใจวางแผนและสั่งงานให้บรรดาลูกทีม โดยไม่จำเป็นต้องมีการร่วมกันคิดหาวิธีการอื่นๆ ซึ่งข้อดีคือ “ผลลัพธ์” ที่ตรงตามความคิดด้วย “คำสั่ง” ที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ทำต่อได้ทันที อย่างไรก็ตามจากลักษณะการทำงานแบบบนลงล่าง ไม่ค่อยมีการประชุม ปรึกษา ออกความคิดเห็นจนอาจก่อให้เกิดปัญหาในแง่ของ “ไอเดีย” ที่จำกัดและไม่ค่อยมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน

ร้ายแรงไปกว่านั้นอาจเกิด “กระแสต่อต้าน” เมื่อผู้นำใช้อำนาจมากจนเกินไป เช่น จุกจิก สั่งงานเยอะจนเกินจริง ไม่สนลูกทีมจนทำให้สมาชิกหลายๆ คนไม่ชอบใจ


2) Coaching Leadership (ครูผู้สอน)

ความหมายตรงตัวตามชื่อ Coach ซึ่งก็คือการ “ฝึกสอน” เช่นเดียวกับ โค้ชกีฬา ผู้นำในไทป์นี้ชื่นชอบที่จะพัฒนาลูกทีมให้เก่งขึ้น พยายามรีดเค้นศักยภาพของแต่ละคนออกมาให้ได้มากที่สุด และไม่ใช่แค่กับความสำเร็จเฉพาะรายบุคคลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงให้ความสำคัญกับคำว่า “ทีม” เป็นหลัก โฟกัสที่ทำอย่างไรให้ทีมมีผลงานดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน

หลักสำคัญคือการเน้นพัฒนาทักษะของผู้คน ชี้จุดที่ควรพัฒนาปรับปรุงผ่านการสื่อสารอย่างเหมาะสมและไม่เกิดปัญหากับผู้คนที่มีความหลากหลาย โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ “สปิริต” ความเป็นทีมที่เหนียวแน่นซึ่งส่งผลดีต่อองค์กรในแง่การซื้อใจพนักงาน (retention)


3) Collaborative Leadership (รวมกันมันส์กว่า)

รูปแบบความเป็นผู้นำที่เรียกได้ว่าเป็นขั้วตรงข้ามของสไตล์ Authoritative Leadership โดยยึดถือหลักการว่าผลลัพธ์หรือวิธีที่ดีที่สุด ควรจะมาจากการ “คิดร่วมกัน” ของคนในทีมทุกคนมีสิทธิมีเสียงที่จะเสนอความเห็นได้ จึงเน้นการแบ่งปันข้อมูล สร้างความร่วมมือ ซึ่งมีเทคนิคในการดึงเอาไอเดียจากผู้คนมาใช้ต่อยอด ทำให้รูปแบบการทำงานมักจะมีความโปร่งใส คนรับรู้ได้ว่าอะไรที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้นๆ

ข้อดีของการทำงานในสไตล์ความเป็นผู้นำลักษณะนี้คือโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่ “ทิศทางใหม่” อัตราการมีส่วนร่วมระหว่างคนในองค์กรสูง พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและเป็นเชื้อไฟในการทำงานต่อไป ส่วนข้อเสียอาจเป็นเรื่องของ “ความใจดี” ที่ให้ความสำคัญกับทุกเสียงของทุกคนมากเกินไปจนไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองในเวลาที่จำเป็น


4) Engaged Leadership (เพื่อนที่รู้ใจ)

ให้ความสนใจกับการทำความเข้าใจพนักงานว่าพวกเขาและทีมให้ความสำคัญกับอะไร มุ่งเน้นที่การทำให้สมาชิกรู้สึก “มีตัวตน” ทุกคนล้วนมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับในองค์กร ซึ่งวิธีการก็คือการพยายามเข้าไปพูดคุยถามไถ่ในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องงานหรือความสนใจแล้วรับฟังอย่างจริงจังและตั้งใจ

โดยผลลัพธ์ที่ได้คือการมีส่วนร่วมของคนในทีม เนื่องจากทุกคนสามารถส่งเสียงไปถึงคนข้างบนได้ แต่ข้อควรระวังก็คือ “เส้นแบ่ง” ของความสนิท ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในหลายๆ เรื่อง จึงควรตั้งกำแพงระหว่างการทำงานกับส่วนตัวให้ชัดเจน


5) Observant Leadership (ผู้สังเกตการณ์)

เป็นลักษณะของผู้นำที่มีความช่างสังเกต เหมาะกับคนที่มี “ความฉลาดทางอารมณ์” สูง และต้องอาศัยการมองเกมอย่างเฉียบขาด เพื่อเจาะลึกเข้าไปหาสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ โดยความเป็นผู้นำรูปแบบดังกล่าวถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสไตล์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากใช้เวลาทำความรู้จักกับพนักงาน รู้จุดแข็ง จุดอ่อน และแรงบันดาลใจของคนเหล่านี้

ที่สำคัญคือสามารถเล็งเห็น “ศักยภาพ” ของแต่ละคนผ่านการทำงานในแต่ละวันได้แม้จะยังไม่ได้ถูกพัฒนาออกมาอย่างเต็มที่ก็ตาม รวมถึงเข้าใจความรู้คนจากการสังเกตภาษากายเพื่อปรับวิธีการเข้าหา พร้อมรับมือได้ดียิ่งขึ้น

บทสรุป

ความเป็นผู้นำเหล่านี้อาจเป็นเพียง “แนวทาง” หรือนิยามที่มีไว้เพื่อให้ได้ทำความรู้จักกับตัวเองมากขึ้น เพราะมนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลายและซับซ้อน ซึ่งความเป็นผู้นำในตัวเราอาจเกิดจากหลายๆ รูปแบบที่ผสมรวมและหล่อหลอมจนมาเป็นตัวเองในแบบทุกวันนี้

ฝากโปรไฟล์พร้อมมองหาโอกาสงานใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น


อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม:
ความสำคัญของกระบวนการ Phone screen ก่อนสัมภาษณ์งานจริง
3 หัวใจสำคัญของการสัมภาษณ์งานที่ต้องเข้าใจตั้งแต่ตอนนี้!


แปลและเรียบเรียงจาก: https://bit.ly/3sUa1pT 
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand #Recruitment