รู้ได้ไงว่าเราจะได้งาน? สังเกตได้จาก 7 สัญญาณต่อไปนี้

Interview GuidelineMay 18, 2023 16:52

 

"รู้ได้ไงว่าเราจะได้งาน?"
สังเกตได้จาก 7 สัญญานเมื่อคุณมีแนวโน้มที่กำลังจะได้งาน

เราจะมีข้อสังเกตอะไรบ้างว่าหลังจากสัมภาษณ์งานจบแล้ว
จะมีคนโทรเข้ามาแจ้งข่าวดีหรือรู้ทันทีว่านี่แหละสัญญานว่าเรากำลังจะ “ได้งาน”

ซึ่งสาเหตุที่เราต้องสังเกต “ความเป็นไปได้” หลังสัมภาษณ์งาน
เนื่องจากป็นส่วนสำคัญที่จะกำหนด Next step ของตัวเองว่าควรสมัครที่ใหม่
หรือตัดสินใจรอฟังข่าวดี เพราะหากเราเคลียร์ตัวเองไม่ดีก็อาจมีปัญหาและเสียเครดิตได้

บทความจาก indeed ได้ระบุถึง 12 ข้อสังเกตว่าเรามีแนวโน้มที่จะผ่านการสัมภาษณ์
ซึ่งเราคัดมาให้เหลือ 7 ข้อที่สังเกตได้ง่ายๆ ว่าอนาคตของเราจะไปในทิศทางไหนดังนี้

 


1) ผู้สัมภาษณ์ใช้ “เมื่อ” แทน “ถ้า”

ถ้าอีกฝ่ายมีการระบุถึงวัน-เวลา ก็เป็นไปได้ว่าเรากำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
เช่น “เมื่อคุณได้เจอเพื่อนร่วมทีม” ก็ให้ความรู้สึกต่างจาก “ถ้าคุณได้เจอเพื่อนร่วมทีม”

ดังนั้นภาษา คำพูดที่ใช้ระหว่างการสัมภาษณ์ก็เป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตที่เรามองหาได้
เมื่ออีกฝ่ายมีการชี้เฉพาะหรือแสดงความชัดเจน ทั้งวัน เวลา หรือตัวอย่างสถานการณ์ต่างๆ
ก็อาจหมายถึงแนวโน้มที่เรากำลังจะได้งาน


2) แสดงออกว่า “ชื่นชม” โปรไฟล์ของเรา

ทันทีที่เข้าสัมภาษณ์เราอาจได้ยิน “คำชม” ถึงประสบการณ์ ความสำเร็จที่ผ่านมา
รวมถึงคำอธิบายเพิ่มเติมว่าตัวเราเหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างไรบ้าง

หากเรามีคุณสมบัติที่องค์กรมองหาอย่างครบถ้วนโอกาสที่งานจะหลุดมือไปก็เหลือน้อยมากแล้ว
(ยกเว้นว่า “ทัศนคติ” ไม่ตรงกัน)


3) สังเกตท่าทาง “ภาษากาย”

เชื่อว่าผู้อ่านในที่นี้คงผ่านการสัมภาษณ์มาไม่น้อย
ดังนั้นจึงพอจะรู้ว่า “ภาษากาย” ก็เป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตว่าจบสัมภาษณ์ครั้งนี้เราจะได้ หรือไม่ได้งาน
ถ้าผู้สัมภาษณ์มีปฏิกริยาแสดงออกถึงความ “สนใจ” เช่น การสบตา ยิ้มแย้ม ผ่อนคลาย ดูเป็นมิตร
ก็แปลว่ามีสิทธิที่เราจะได้ผลลัพธ์ตามต้องการ


4) ลักษณะน้ำเสียงที่ใช้

โดยปกติผู้สัมภาษณ์มักจะยิง “คำถามสำคัญ” ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตำแหน่งงานด้วยความจริงจัง
เพื่อคัดกรองว่าเรา “เหมาะสม” กับงานนี้แค่ไหน

หากน้ำเสียงของผู้สัมภาษณ์ “ผ่อนคลาย” มากขึ้นหลังจากที่เราตอบคำถามสำคัญเหล่านั้นไปแล้ว
ก็แปลว่าหลังเราได้ “ผ่านด่านแรก” ซึ่งต่อไปคือการทำความรู้จักตัวตนกันและกัน
รวมถึงสร้างความชัดเจนในเรื่องต่างๆ ให้มากขึ้น


5) พยายาม “ขาย” ข้อดีขององค์กรมากขึ้น

หากองค์กรเห็นแววและมั่นใจว่าเราเป็นคนที่ใช่
ก็คงไม่แปลกที่จะพยายามดึงความสนใจโดยการขายข้อดีต่างๆ
อาทิ สวัสดิการ วัฒนธรรมองค์กร หรือแผนงานในอนาคต
ซึ่งจะถูกระบุมาอย่างชัดเจนมากขึ้นในขั้นตอนการเสนอตำแหน่งงาน (Job Offer)


6) ใช้เวลาสัมภาษณ์นาน

ข้อระวังคืออย่าเข้าใจผิดคิดไปเองว่าอีกฝ่ายสนใจ
เพราะไม่ใช่ทุกครั้งที่การสัมภาษณ์นานจะหมายถึงสัญญานว่าเรากำลังจะได้งาน

โดยสาเหตุหลักมีอยู่ 2 ข้อได้แก่

☑️ อีกฝ่ายให้ความสนใจมากๆ
❎ เรา “พูดไม่รู้เรื่อง” ตอบไม่ตรงประเด็น

สังเกตง่ายๆ ว่าเราเป็นแบบที่ 1 หรือไม่

👉ถูกถามในประเด็นสำคัญที่หลากหลาย
👉ไม่ถูกถามลักษณะเดิม ซ้ำหลายครั้ง
👉อีกฝ่ายมีปฏิกริยาโต้ตอบที่ดี


7) ถามถึงบุคคลอ้างอิง หรือวันเริ่มงาน

สุดท้ายนี้ถ้าผู้สัมภาษณ์อยากได้เราแบบ “จริงจัง”
ก็อาจถามถึงบุคคลอ้างอิงเพิ่มเติมเพื่อหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
รวมถึงสาเหตุที่ขอกำหนดวันเริ่มงานที่แน่นอนเนื่องจากองค์กรต้องการที่จะรู้ว่า “เร็วที่สุด”
ที่เราจะย้ายมาเริ่มงานได้คือเมื่อไรและใช้เวลาวางแผนเตรียมต้อนรับให้ดีที่สุด

ฝากโปรไฟล์ไว้กับเรา Reeracoen Recruitment

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่:
ทำไมการเป็น Perfectionist ถึงทำให้เรา Burnout ได้มากกว่าเดิม
1 คำถามต้องห้าม ที่อาจทำให้เราตกม้าตายตั้งแต่สัมภาษณ์งาน


แปลและเรียบเรียงจาก: https://bit.ly/458PKvd

#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand #Recruitment
#Jobinterview #Career