สำรวจ 10 คุณลักษณะของคนที่พร้อมเป็นผู้นำในที่ทำงาน

General TopicFebruary 07, 2024 17:09

 

สำรวจ 10 คุณลักษณะของคนที่พร้อมเป็นผู้นำในที่ทำงาน
เรามีครบไหม ยังขาดอะไรอยู่บ้าง?

สำหรับคุณแล้วช่วงเวลาที่เหมาะสม ก่อนจะก้าวขึ้นสู่บทบาทผู้นำในที่ทำงานคือช่วงเวลาไหน ประสบการณ์ 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปีขึ้นไป? ทั่วไปคนอาจมองว่าควรจะผ่านงานมาสัก 5 ปีขึ้นไปหรือเป็นระดับ Senior มาสัก 2-3 ปีก่อนหน้านี้ จะได้มีประสบการณ์ที่มากพอไว้ประยุกต์ใช้กับงานใหม่ รวมถึงเป็น ‘เครดิต’ สร้างความไว้ใจจากเพื่อนร่วมงาน แต่บางส่วนก็อาจมองว่าระยะเวลาไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะบางคนที่มีความพร้อมก็อาจใช้เวลาเพียงสั้นๆ ไม่ต้องถึง 5 ปีผู้บริหารและทุกคนก็พร้อมไว้ใจได้

ดังนั้น ‘ระยะเวลา’ อาจไม่มีใครตอบได้แน่ชัดแต่ถ้าเปลี่ยนมุมมองไปโฟกัสที่ ‘ความพร้อม’ ก็อาจได้คำตอบที่ชัดเจนกว่า เพราะทุกคนมองเห็นและสัมผัสได้ ซึ่งเรารู้กันดีว่าคนเป็นผู้นำต้องมีคุณสมบัติและความรับผิดชอบที่จะทำให้ทั้งงานส่วนตัว และงานส่วนรวมออกมาดีที่สุด ไม่ว่าจะด้านทักษะการทำงาน ทักษะเชิงสังคม มีบุคลิกภาพที่ดีรวมถึงสามารถเป็นศูนย์กลางให้กับบรรดาเพื่อนร่วมงานได้

สำหรับคนทำงานที่ผ่านประสบการณ์มามากพอก็ไม่แปลกที่จะแสวงหา ‘ขั้นต่อไป’ ในอาชีพการงาน แต่ก่อนจะก้าวสู่บทบาทผู้นำที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น รวมถึงถ้าต้องรับมือภาระงานและเจอปัญหาที่เข้มข้นกว่าที่เคย เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าตัวเองพร้อมสำหรับบทบาทใหม่

Reeracoen Thailand อยากเชิญชวนทุกคนมาสำรวจตัวเองผ่าน 10 คุณลักษณะของการเป็นผู้นำในที่ทำงาน ได้แก่

1) มีความฉลาดทางอารมณ์

ปัญหาที่พนักงานเจอระหว่างวันมักจะมาจากไม่กี่ปัจจัย ไม่ตัวงานมีปัญหา ก็เพื่อนร่วมงาน (หรือหัวหน้า)
แต่กับบทบาทของผู้นำที่เป็น ‘ผู้รับผิดชอบสูงสุด’ นั้นปัญหาที่เข้ามามีความรอบด้านกว่าค่อนข้างมาก
ทั้งบริหารลูกน้อง ดูแลลูกค้า ควมคุมงาน ประสานกับต่างแผนก แถมยังคอยรับความกดดันจากผู้บริหาร
ทำให้สภาพจิตใจมักจะได้รับภาระหนักเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะกับคนทำงาน Gen Y ที่ถือเป็นช่วงวัย ‘เดอะแบก’ ไม่เพียงแต่เป็นเสาหลักครอบครัว
แต่ยังสำคัญอย่างยิ่งในองค์กรคอยเชื่อมระหว่างผู้บริหาร Gen X และน้องใหม่ Gen Z
ซึ่งงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าคน Gen Y เสี่ยงภาวะเครียดสูงสุดเมื่อเทียบกันในหมู่คนทำงานทั้งหมด

ดังนั้นคุณลักษณะที่สำคัญอันดับต้นๆ ของคนเป็นผู้นำจึงต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
สามารถจัดการรับมืออารมณ์ของตัวเองและคนรอบข้างได้ดี มีการพยายามทำความเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจคนอื่น
รวมถึงไม่ ‘น็อตหลุด’ ในช่วงเวลาที่ตัวเองเหนื่อยล้า ซึ่งจะมีผลต่อการบริหารทีมและส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรง


2) เป็นคนที่ ‘สื่อสาร’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทักษะการสื่อสารถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติทรงคุณค่าที่องค์กรต้องการ
ทำให้คนที่สื่อสารได้ดี มีเป้าหมายชัดเจน ไม่สร้างความสับสน
จะนำไปสู่กระบวนการทำงานที่ดีและผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
รวมถึงลดความขัดแย้งในที่ทำงานจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน

นอกจากนี้ทักษะการสื่อสารโดยเลือกวิธีใช้คำพูดที่ดี
ยังมีส่วนช่วยเข้ามาเจรจาคลี่คลายปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับองค์กรได้อีกด้วย


3) มี Growth mindset

สำหรับการทำงานแล้ว ‘ทัศนคติที่ดี’ ถือว่าสำคัญไม่แพ้ความเก่งกาจ
เพราะวันหนึ่งเมื่อโลกเปลี่ยนไป ความเก่งที่มีก็อาจถึงวันหมดอายุได้
แต่ Growth mindset ที่เป็นทัศนคติแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
จะทำให้เราไม่ยึดกับสิ่งใดจนตัวเองล้าสมัยไปตามเวลา
แต่จะพร้อมสนุกกับปรับเปลี่ยนหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อเอาชนะปัญหา
และใครๆ ก็เก่งขึ้นได้เสมอ ตราบใดที่ยังตั้งใจและพยายาม

เมื่อมีผู้นำที่พร้อมทดลองสิ่งใหม่ๆ โดยไม่กลัว ‘ความล้มเหลว’
ก็จะทำให้คนอื่นๆ ในองค์กรเกิดวัฒนธรรมของการเรียนรู้
โดยที่ทุกคนสามารถสนุกไปกับการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
องค์กรก็จะยิ่งเติบโต และมีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น


4) ทำงานแบบมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์

เมื่อสัมภาษณ์งานในตำแหน่งที่เกี่ยวกับการบริหาร คำถามที่เรามักจะเจอก็คือการให้ยกตัวอย่าง
“การทำหน้าที่เป็นผู้นำในโปรเจกต์ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น”
หรือ “ทำอย่างไรให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด”

ซึ่งลักษณะคำตอบที่สามารถดึงดูดใจนายจ้างได้ดีคือเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจน
โดยมี ‘ตัวเลข’ เป็นหลักฐานพิสูจน์ผลงานว่าทำได้จริง

นอกจากนี้ การทำงานแบบ ‘เน้นผลลัพธ์’ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น
เมื่อพิจารณาแล้วว่าวิธีแบบดั้งเดิมไม่ได้ส่งผลดีต่อเป้าหมาย
บางครั้งเราก็จำเป็นต้องกล้าที่หาวิธีการใหม่ๆ ที่ดียิ่งขึ้น


5) มีวิธีการทำงานเชิงรุก

คุณเป็นคนสไตล์ไหน ระหว่างรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยตามแก้หรือ ‘สอดส่องปัญหา’ เพื่อป้องกันตั้งแต่แรก

ลักษณะการทำงานแบบเชิงรุกช่วยให้เราสังเกตเห็นปัญหาและแทรกตัวไปแก้ไขอย่างรวดเร็ว
ช่วยจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นให้เล็กลงคล้ายกับทักษะการประเมินโอกาสและความเสี่ยง
ซึ่งมีประโยชน์ต่อการตัดสินใจทางธุรกิจขององค์กร


6) กล้าตัดสินใจเด็ดขาด

ในบางสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เช่น ช่วงเวลาที่งานเจอกับปัญหาที่ไม่มีข้อสรุป
ก็เป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องหาทางออกให้กับทีมโดยใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่ผ่านมา
ประกอบการพิจารณาข้อมูลที่มีอยู่ในมือเพื่อตัดสินใจหาวิธีแก้ไขว่าทีมควรจะทำอย่างไรต่อไป
ที่สำคัญคือต้องมีความหนักแน่น มั่นใจ เพราะ ‘ผู้นำ’ ควรเป็นเสาหลักที่ทุกคนสามารถฝากความหวัง
และพร้อมทำตามได้โดยไม่มีความกังวลใจ


7) ช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้คนรอบตัว

การปลุกปั้นพัฒนาคนรอบข้างให้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักขององค์กรถือเป็นบทบาทสำคัญของผู้นำ
ดังนั้นหากปัจจุบันคุณมีส่วนช่วยดึงศักยภาพของเพื่อนๆ ไม่ว่าจะช่วยสอนงาน ฟีดแบคเพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง
หรือชักจูงกันไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่ออาชีพการงาน
ก็อาจแปลว่าคุณสมบัติของผู้นำในตัวคุณเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว


8) คิดวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ

ผู้นำมีบทบาทกำหนดวิสัยทัศน์ระยะยาวสำหรับอนาคต
ตลอดจนออกแบบแผนงานและวิธีทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดหวัง
โดยต้อง ‘เหมาะสม’ สามารถเป็นไปได้ต่อส่วนรวม
นอกจากงานที่ทำในทุกวัน คอยหมั่นถามตัวเองอยู่เสมอว่า

  • ตอนนี้ภาพรวมเราอยู่จุดไหน
  • อะไรคือเป้าหมายที่ต้องการจะไปในอนาคต
  • ทำอย่างไรถึงจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้


9) ชอบเข้าสังคม สร้างคอนเนกชันเก่ง

ผู้นำที่มีทักษะในการสร้างคอนเนกชันที่แข็งแรงมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
เหตุผลแรกคือ มีแหล่งข้อมูลที่มีการแบ่งปัน Know how มีการแชร์ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน
หรือประสบการณ์วิธีแก้ปัญหาต่างๆ ภายในองค์กร

อีกทั้ง เครือข่ายคอนเนกชันที่มีประสิทธิภาพยังช่วยเพิ่มโอกาสในรูปแบบของพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ
สามารถติดต่อเจรจาดีลงานกันได้ง่ายขึ้น ดังนั้นทักษะการเข้าสังคมจึงมีประโยชน์ต่อบทบาทผู้นำอย่างแน่นอน


10) ‘นำ’ ด้วยการ ‘ทำ’ เป็นตัวอย่าง

การเป็น ‘ต้นแบบ’ ที่เพื่อนร่วมงานต่างชื่นชมคือหนึ่งในสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดที่สุดของคนที่จะเป็นผู้นำ
ซึ่งสามารถสร้างอิมแพคและส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้างจากตัวตนที่แสดงออกผ่านการทำงานในทุกๆ วัน
ไม่ว่าจะด้วยวินัยที่ดี รับผิดชอบต่อผลงาน มีความคิดริเริ่มใหม่ๆ ให้องค์กรได้นำไปต่อยอด
ถือเป็นสารตั้งต้นของวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง

ค้นหาตำแหน่งงานในบทบาทใหม่ฝากโปรไฟล์ไว้กับ Reeracoen Thailand


อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
20 อันดับสายงานที่เติบโตมากที่สุดในสิงคโปร์ ปี 2024
ย้ายงานเมื่อไรดี สังเกตได้จาก 7 สัญญาณการทำงานต่อไปนี้


แปลและเรียบเรียงจาก: https://bit.ly/3w7thlb
#ReeracoenRecruitment
#ReeracoenThailand #Recruitment
#Leadership #SelfDevelopment #Career