“ถูกเลิกจ้าง” ต้องได้เงินชดเชยเท่าไร?! เช็กสิทธิพื้นฐานและเงื่อนไขที่คนทำงานต้องรู้ อัปเดตปี 2024

General TopicJuly 05, 2022 16:04

 

“ถูกเลิกจ้าง” ต้องได้เงินชดเชยเท่าไร?!
เช็กสิทธิพื้นฐานและเงื่อนไขที่คนทำงานต้องรู้ อัปเดตปี 2024

รู้หรือไม่ หากจู่ๆ เราถูกบริษัทเลิกจ้างโดยไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า มนุษย์เงินเดือนแบบเรามีสิทธิได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน มีอัตราขั้นต่ำเท่ากับค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน (กรณีทำงานยังไม่ครบ 1 ปี) โดยจะยิ่งได้รับเงินชดเชยเพิ่มขึ้นตาม “อายุงาน” ตั้งแต่ 120 วัน ไปจนถึง 10 ปี

สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้วการถูกเลิกจ้างทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด คงเป็นเรื่องที่ชวนให้เครียดและสำหรับบางคนอาจถึงขั้นหาทางออกไม่ได้ เพราะคงไม่มีใครคาดคิดว่าวันตัวเองจะกลายเป็นคนว่างงาน ไหนจะการหางานใหม่ แถมมีภาระค่าใช้จ่ายที่ยังไม่ได้หายไปไหน ดังนั้นแรงงานจึงจำเป็นต้องมี “หลักประกัน” หรือ “ค่าชดเชย” เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์จากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งมีเงื่อนไขในการคุ้มครองหลายรูปแบบ

ในระยะ 2-3 ปีให้หลังเราคงเห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกการทำงานกันมาไม่น้อย อาทิ การปลดพนักงานของบริษัทใหญ่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI ซึ่งมีศักยภาพมากพอจะเข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ในบางส่วนถือเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของวิกฤติการณ์ “คนตกงาน” ในปัจจุบัน

นอกจากเก็บข้าวของเดินคอตกออกจากออฟฟิศแล้ว มนุษย์เงินเดือนสามารถทำอะไรได้อีกบ้างหากถูกบริษัทเลิกจ้าง Reeracoen Thailand จะพามารู้จักสิทธิพื้นฐาน รวมถึงเงื่อนไขที่คนทำงานต้องรู้ในกรณีถูกเลิกจ้างเพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบ และรักษาผลประโยชน์ของตัวเองตามที่ควรจะได้รับ


เงื่อนไขการเลิกจ้างที่พนักงานต้องได้รับเงินชดเชย

ตามพรบ. คุ้มครองแรงงานฉบับปี พ.ศ. 2562 ระบุว่าพนักงานมีสิทธิได้รับเงินชดเชยในกรณีที่ถูก “เลิกจ้างแบบไม่เป็นธรรม” หมายถึงตัวเราไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า โดยลูกจ้างต้องได้รับค่าชดเชยเท่ากับฐานเงินเดือนล่าสุดและจำแนกเป็นขั้นบันไดตามอายุงานดังนี้

  • ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี : ได้รับเงินชดเชย 30 วัน
  • ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี : ได้รับเงินชดเชย 90 วัน
  • ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี : ได้รับเงินชดเชย 180 วัน
  • ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี : ได้รับเงินชดเชย 240 วัน  
  • ทำงาน 10 ปีขึ้นไป : ได้รับเงินชดเชย 300 วัน

นอกจากนี้ พรบ. คุ้มครองแรงงาน (พ.ศ.2541) ฉบับเดียวกันนี้ก็ได้มีระบุถึง “เงื่อนไข”
ที่นายจ้างไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินชดเชยกรณีเลิกจ้างพนักงานเอาไว้ดังนี้

      กรณีปรับปรุงหน่วยงานหรือเปลี่ยนแปลงกิจการ ซึ่งต้องลดจำนวนพนักงาน 

  • เงื่อนไข: นายจ้างต้องแจ้งพนักงาน รวมถึงวันเวลาก่อนจะเลิกจ้างไม่น้อยกว่า 60 วัน
  • การชดเชย: หากผิดจากเงื่อนไข นายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยพิเศษเป็นอัตราค่าจ้างสุดท้าย 60 วัน
  • เงื่อนไขเพิ่มเติม : หากลูกจ้างทำงานครบ 6 ปีขึ้นไป นายจ้างจะต้องจ่ายเงินชดเชยพิเศษ
    ไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างสุดท้าย เป็นจำนวน 15 วันต่อ 1 ปี ซึ่งรวมกันไม่เกินอัตราค่าจ้างสุดท้าย 360 วัน


       กรณีย้ายสถานที่ทำงาน ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของลูกจ้าง
     
  • เงื่อนไข: นายจ้างต้องแจ้งพนักงานก่อนย้าย 30 วัน
  • การชดเชย: หากไม่แจ้งพนักงานภายในเวลาที่กำหนด จะต้องจ่ายเงินชดเชยในอัตราค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน
  • เงื่อนไขเพิ่มเติม: หากพนักงานตัดสินใจไม่ทำงานต่อ นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่า 50% ของค่าชดเชยตามปกติ

     เพิ่มเติมจาก 2 กรณีข้างต้น ยังมีกรณีเพิ่มเติมที่ลูกจ้างจะไม่ได้รับเงินชดเชย ดังนี้

  • ถูกไล่ออกเนื่องจากมีความผิด ซึ่งมีจดหมายตักเตือนแล้ว (หากร้ายแรงไม่จำเป็นต้องตักเตือน)
  • ทิ้งงานติดต่อกัน 3 วัน โดยไม่มีเหตุจำเป็น
  • พนักงานเป็นฝ่ายลาออกเอง
  • ทุจริตต่อหน้าที่
  • ทำผิดกฎหมายอาญา
  • จงใจทำให้เกิดความเสียหายต่อนายจ้าง / บริษัท
  • ลูกจ้างได้รับโทษจำคุก
  • การยกเลิกจ้างตามสัญญาที่มีกำหนดเวลาแน่นอน

     กรณีการเลิกจ้างในช่วงระยะเวลาทดลองงาน (Probation)

มีหลายคนสงสัยและถามเข้ามาว่าถ้าหากบริษัทเลิกจ้างภายในช่วงทดลองงาน
พนักงานจะมีสิทธิได้รับเงินชดเชย หรือเข้าข่ายพรบ. คุ้มครองแรงงานข้างต้นไหม

ต้องเริ่มจากแยกให้เห็นเป็นกรณีชัดเจน เมื่อกฎหมายได้ระบุไว้ว่าต้องมีการ “แจ้งล่วงหน้า” อย่างน้อย 30 วัน หากบริษัททำตามเงื่อนไขดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องให้เงินชดเชย แต่ถ้าหากแจ้งวันสุดท้ายของการปฏิบัติงานแล้วให้ออกทันทีก็จำเป็นต้องให้เงินชดเชยในอัตราขั้นต่ำ 30 วันตามฐานเงินเดือนล่าสุด

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลิกจ้างที่คนทำงานต้องรู้

นอกจากรูปแบบการจ้างพนักงานประจำ หรือพาร์ทไทม์ ยังมีอีกการจ้างงานอีกหนึ่งประเภทอย่าง “พนักงานสัญญาจ้าง” ที่มีกำหนดระยะเวลาทำงานเป็นหนังสือลงลายลักษณ์อักษรชัดเจนซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดได้

  • บริษัทเลิกจ้างเนื่องจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ

กรณีการเลิกจ้างที่เป็นธรรมอันเนื่องจากเหตุผลทางเศรษฐกิจ ถือเป็นการเลิกจ้างที่บริษัทไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่พนักงาน โดยมีหลักการพิจารณาจากสองปัจจัย ได้แก่

  1. มีความเป็นธรรมทางเนื้อหา (ความจำเป็นที่ต้องเลิกจ้าง)
    อย่างสถานการณ์ขาดทุนต่อเนื่อง หนี้สะสม สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ จนเป็นให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้
  2. มีความเป็นธรรมทางกระบวนการ (ไม่มีทางออกอื่นแล้ว)
    กล่าวคือก่อนที่จะตัดสินใจเลิกจ้างพนักงาน บริษัทต้องพยายามหามาตรการอื่นๆ ที่สามารถทำได้ก่อน

สิทธิประโยชน์ในช่วงที่ยังไม่มีงานใหม่

นอกเหนือจากได้รับเงินชดเชยจากบริษัทกรณีถูกเลิกจ้าง ยังมีสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม ม.33 รองรับอยู่ ซึ่งเป็นการจ่ายให้ “ทุกกรณี” ไม่ว่าจะลาออกเอง หรือถูกเลิกจ้าง โดยสามารถขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานได้ตามขั้นตอน ผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน หรือจุดบริการสำนักงานประกันสังคม

สำหรับเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน ได้แก่

  • เป็นผู้ประกันตน ม.33 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน (ภายใน 15 เดือนก่อนว่างงาน)
  • ว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป ขึ้นทะเบียนว่างงานผ่านเว็บไซต์ภายใน 30 วันเพื่อรักษาสิทธิ
  • รายงานตัวผ่านเว็บไซต์กรมการจัดหางาน เดือนละ 1 ครั้ง
  • มีความพร้อม สามารถทำงานที่จัดหาให้ได้
  • ไม่ปฏิเสธการฝึกงาน ไม่ใช่การถูกเลิกจ้างด้วยสาเหตุต่อไปนี้
    ทุจริต, ทำผิดกฎหมายอาญา, จงใจทำให้นายจ้างเสียหาย, ฝ่าฝืนระเบียบ
    ขาดงาน 7 วันโดยไร้สาเหตุ, ประมาทจนทำให้นายจ้างเสียหายร้ายแรง, ติดคุก
  • ไม่เป็นผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีแก่ชรา ไม่เป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39

สิทธิประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนผู้ว่างงาน ม.33 จะแบ่งออกได้เป็นสองกรณี ได้แก่

  1. ถูกเลิกจ้าง จะได้รับเงิน 50% ของค่าจ้างรายวัน สูงสุดไม่เกิน 180 วัน/ปี
  2. ลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง จะได้รับเงิน 30% ของค่าจ้างรายวัน สูงสุด 90 วัน/ปี

โดยสำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินรายเดือนผ่านทางบัญชีที่ระบุไว้ตอนขึ้นทะเบียนอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

ในชีวิตเรามักจะเจอกับเหตุไม่คาดฝันอยู่เสมอ งานที่ทำอยู่ดีๆ วันหนึ่งเราก็อาจไม่ได้ไปต่อ ในฐานะคนทำงานเราไม่ควรประมาทและเตรียมความพร้อมแผนสำรองไว้เผื่อรับมือเหตุฉุกเฉิน รวมถึงศึกษาข้อมูลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเราเองด้วย

ฝากโปรไฟล์กับบริษัท Recruitment Agency เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ที่ใช่มากกว่าเดิม
และพร้อมเป็น “เปล” รองรับในวันที่คุณสะดุดล้มเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้เล็กลงด้วยผู้ช่วยที่ใช่

อ้างอิงจาก:
https://bit.ly/3nFEW3a
https://bit.ly/3R5OjGZ
https://shorturl.at/bdsvC 
#ReeracoenRecruitment #ReeracoenThailand